การลงทุนแบบ DCA คืออะไร ทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุน
การลงทุนแบบ DCA คืออะไร? ทางเว็บไซต์ SCB.co.th ได้อธิบายไว้น่าสนใจดังนี้
การลงทุนแบบ Dollar-Cost-Averaging (DCA) คือ เป็นการลงทุนโดยถัวเฉลี่ยต้นทุน โดยลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่า ๆ กัน ในระยะเวลาหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
เช่น ลงทุนทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน หรือ ลงทุนในช่วงต้นเดือนหลังจากเงินเดือนออก ซึ่งจะช่วยสร้างวินัยในการออม และการลงทุน
อีกทั้งยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกดังนี้
1. บริหารจัดการภาวะกลัวและโลภของนักลงทุน
ด้วยความที่ตลาดเคลื่อนไหวผันผวนจากข่าวสารและข้อมูลต่าง ๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินของธนาคารกลางแต่ละประเทศ หรือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้ในช่วงที่มีข่าวดีนั้น ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปอย่างมาก เช่น ปรับตัวสูงขึ้น 10% ภายในเดือนเดียว
ก็อาจส่งผลให้นักลงทุนเกิดภาวะ “โลภ” ในเงินจำนวนมาก เพราะคาดว่าในอนาคตก็จะได้ผลตอบแทนประมาณ 8-10% เหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่ความเป็นจริงแล้ว ตลาดอาจปรับตัวลดลง ซึ่งจะทำให้เกิดการขาดทุนอย่างหนักได้
แต่ในทางกลับกัน หากตลาดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เช่น ปรับตัวร่วงลง -15% นักลงทุนก็จะเกิดภาวะ “กลัว” ส่งผลให้นักลงทุนจะไม่กล้าเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง ส่งผลให้ไม่ได้กำไรจากการฟื้นตัวของตลาด
ซึ่งการใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA จะขจัดอารมณ์ของนักลงทุนออกไป ส่งผลให้การตัดสินใจของนักลงทุนจะอยู่ที่เพียงว่า ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด หรือตลาดหุ้นประเทศไหนมากกว่าการที่จะต้องมากังวลกับการจับจังหวะตลาด
2. ลดความเสี่ยงและความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
การลงทุนแบบ DCA จะช่วยลดความเสี่ยงและความผันผวนของการลงทุนได้ เนื่องจากการที่เราเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน
ตัวอย่างเช่น หากลงทุนในช่วงที่ตลาดเกิดการปรับตัวรุนแรง เช่น ช่วงปี 2020 ที่มีสถานการณ์โควิด-19 ถ้าหากลงทุนแบบครั้งเดียว (Lump-sum) ช่วงต้นปีในตลาดหุ้น S&P500 ก็จะมีเดือนที่ขาดทุนสูงสุดถึง -20% และเมื่อสิ้นปี จะได้ผลตอบแทน อยู่ที่ 16.26%
แต่หากเราลงทุนแบบ DCA ก็จะทำให้เดือนที่ขาดทุนมากที่สุดลดลงเหลือเพียง -17.46% และเมื่อตลาดฟื้นตัวกลับมา ก็ยังได้ผลตอบแทนสิ้นปี 2020 อยู่ที่ 19.26% มากกว่าการลงทุนแบบครั้งเดียวอีกด้วย
ดังนั้น การลงทุนแบบ DCA จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการให้เงินลงทุนผันผวนมาก แต่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องและสม่ำเสมอ หรือนักลงทุนที่ยังไม่มีเวลาติดตามข่าวสารสภาวะตลาดต่าง ๆ เพื่อที่จะจับจังหวะในการเข้าลงทุน
กลยุทธ์ของ DCA มีข้อเสียหรือไม่ ?
ข้อเสียของการลงทุนแบบ DCA ก็มีเช่นกัน คือ “หากตลาดเป็นขาขึ้น จะได้รับผลตอบแทนน้อยลง”
เพราะการลงทุนแบบ DCA เมื่อเทียบกับการลงทุนแบบครั้งเดียว (Lump-sum) ในจำนวนเงินที่เท่ากัน จะทำให้พลาด “ผลตอบแทนทบต้น” หากผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ลงทุนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหรือตลาดหุ้นอยู่ในภาวะกระทิง (Bullish)
อย่างไรก็ตาม ทุกกลยุทธ์นั้น มีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนมักจะมีการนำเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว เช่น นำเงินเดือนบางส่วนหรือกำไรจากกิจการบางส่วนมาลงทุน ซึ่งแตกต่างกับนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนปิดที่มีเงินลงทุน และระยะเวลาลงทุนที่ชัดเจน
การลงทุนแบบ DCA จึงเหมาะสมกับการลงทุนในกองทุนประเภท Super Saving Fund (SFF) และ Retirement Fund (RMF) ที่ต้องลงทุนทุกปี เพื่อลดหย่อนภาษี เพราะเราไม่สามารถคาดการณ์ผลตอบแทนจากตลาด ซึ่งปกติมีทั้งช่วงที่กำไร และขาดทุนได้
ข้อมูลอ้างอิง: SCB.co.th
Comments are closed.