ทองคำยังทรงตัว แต่ขาดทิศทางเนื่องจาก PCE เพิ่มขึ้น 3.9%

- Advertisement -

การบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ช่วยให้ราคาทองคำยืนหยัดได้ แต่ก็ไม่ได้ให้โมเมนตัมเชิงบวกใหม่มากนัก

เมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลหลักเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนที่แล้ว เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนกรกฎาคม ข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์กำลังมองหาการเพิ่มขึ้น 0.2%

ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3.9% ลดลงจากการเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนสิงหาคม อัตราเงินเฟ้อรายปีลดลงตามการคาดการณ์ แม้ว่ามาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ต้องการของ Federal Reserve จะลดลงจากระดับสูงสุดเมื่อต้นปี แต่ก็ยังยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างดื้อรั้นและสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% แม้ว่าจะไม่เห็นแรงกดดันในการขายมากนัก

แต่ตลาดทองคำยังคงดิ้นรนเพื่อหาทิศทางในการตอบสนองต่อข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุด ราคาทองคำล่วงหน้าเดือนธันวาคมซื้อขายล่าสุดที่ 1,886.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.41% ในวันเดียวกัน

นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องจะบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องคงนโยบายการเงินเชิงรุกไว้นานกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นต่อไป

แอนดรูว์ ฮันเตอร์ รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ จาก Capital Economics กล่าวในบันทึกย่อว่าเขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องยุติวงจรที่เข้มงวดขึ้นอย่างเป็นทางการ “หากไม่รวมการเร่งความเร็วอีกครั้งอย่างมากในแต่ละเดือน

ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้เนื่องจากตลาดแรงงานที่เย็นลงและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่อาศัยที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เรายังคงคาดว่าอัตราเงินเฟ้อ PCE หลักจะลดลงต่ำกว่าการคาดการณ์ของ Fed ที่ 3.7% ในสิ้นปีนี้ นั่นน่าจะช่วยให้แน่ใจว่าความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟดคือการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในต้นปีหน้า” ฮันเตอร์กล่าว ราคาทองคำร่วงลง 2% ในสัปดาห์นี้

เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 4.6% แม้ว่าอัตราผลตอบแทนจะลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังคงเพิ่มขึ้นที่ 4.55%

ในขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐก็ดันขึ้นเหนือ 106 จุด แม้ว่าจะยอมอ่อนข้อก่อนสุดสัปดาห์ก็ตาม แม้ว่าราคาทองคำจะต้องดิ้นรนในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน แต่นักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าโลหะมีค่ายังคงมีความยืดหยุ่นค่อนข้างดี เมื่อพิจารณาจากภาพทางเทคนิค

นักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าแนวรับเบื้องต้นอยู่ที่ 1,885 ดอลลาร์ และหากทะลุแนวรับได้ พื้นที่ถัดไปที่น่าจับตามองจะอยู่ระหว่าง 1,840 ถึง 1,850 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าทองคำมีโอกาสร่วงลงมาที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม ความอ่อนแอในปัจจุบันไม่ได้เปลี่ยนแนวโน้มเชิงบวกในระยะยาว

เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐขู่ว่าจะผลักดันเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย รอยแตกเริ่มปรากฏในข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดแล้ว นอกจากอัตราเงินเฟ้อแล้ว กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าการใช้จ่ายส่วนบุคคลในเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้น 0.4% ลดลงจากที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนกรกฎาคม

ข้อมูลอ่อนตัวกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์กำลังมองหาการเพิ่มขึ้น 0.5% ขณะเดียวกัน ค่าจ้างยังคงทรงตัว โดยเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการที่เป็นเอกฉันท์

โดย: Neils Christensen / Kitco.com

- Advertisement -